ไล่ล่า “โจรทุเรียน”
1 min read
พิมพ์ไทยออนไลน์ // สัจธรรมที่ว่า “เหรียญย่อมมีสองด้าน” ทุกวงการย่อมมี “คนดีและไม่ดี” เป็นจริงเสมอ !
โฟกัสมาที่วงการของของ ”ราชาแห่งผลไม้” อย่างทุเรียน ชาวสวนอยู่ได้เพราะพ่อค้าทุเรียน ทั้งล้งทุเรียนไทยและล้งทุเรียนพ่อค้าชาวจีน ขณะที่พ่อค้าทุเรียนทำธุรกิจค้าขายและส่งออกทุเรียนไปต่างประเทศได้ ก็ต้องมีชาวสวนทุเรียนที่ทำสวนผลิตทุเรียนป้อนตลาด
ในวงการค้าขายทุเรียนนั้น สิ่งแรกสุดคือ “ความไว้เนื้อเชื่อใจกัน” ระหว่างชาวสวนทุเรียนกับพ่อค้า โดยเฉพาะการซื้อขายทุเรียนที่ต้องใช้เงินสูง(มาก)ในวางเงินจองหรือการจ่ายเงินมัดจำทุเรียนนั้น จะต้องใช้เงินหลักแสนหรือหลักล้านบาทขึ้นไป ทั้งนี้จำนวนเงินมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับจำนวนทุเรียนที่มีอยู่ในสวนนั้น ๆ
ย้ำว่านี่คือ เงินค่าวางมัดจำที่พ่อค้าทุเรียนได้จ่ายเงินเพื่อจองซื้อทุเรียนไว้กับเจ้าของสวน หลังจากนั้นเจ้าของสวนจะดูแลสวนทุเรียนเป็นอย่างดี ด้วยความ “ซื่อสัตย์ต่ออาชีพของคนทำสวน” จะไม่มีการลักตัดทุเรียนที่พ่อค้าจ่ายเงินจองเอาไว้เด็ดขาด ตรงกันข้ามชาวสวนจะดูแลทุเรียนที่กำลังรอวันแก่พร้อมตัดตามมาตรฐานของพ่อค้าทุเรียนเป็นอย่างดี มีการบำรุงรักษาใส่ปุ๋ย ฉีดยาและจ่ายค่าแรงงานในการดูแลสวนอีกด้วย
ขณะเดียวกันหากเกิดข้อผิดพลาด โดยพ่อค้าทุเรียนที่วางเงินมัดจำสวนทุเรียนเอาไว้ ไม่สามารถมาตัดทุเรียนหรือไม่สามารถหากเงินก้อนสุดท้ายที่นำมาจ่ายเจ้าของสวนทุเรียน ก่อนจะเข้าตัดทุเรียนที่มีอยู่ในสวนทั้งหมดนั้น ก็เป็นที่รู้กันในวงการทุเรียนว่า เจ้าของสวนสามารถยึดเงินมัดจำทุเรียนได้ทันที ถือเป็นสัจจะทางการค้าขายทุเรียนที่ยึดกันมาตลอด
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ “การค้าขายทุเรียน มีความไว้เนื้อเชื่อใจกันถึงขั้นปล่อยให้พ่อค้าทุเรียนขนทุเรียนไปขายก่อน ชาวสวนจึงรับรับเงินค่าขายทุเรียนในภายหลัง” ซึ่งสมัยก่อนหน้านี้การค้าขายทุเรียนในลักษณะดังกล่าว ไม่เคยเกิดปัญหา ”การเบี้ยวจ่าย” ค่าทุเรียนแต่อย่างใด
แต่มีตัวอย่างที่น่าสนใจเป็นพิเศษ ที่เกิดเหตุการณ์ “โจรทุเรียน” ขึ้น ในการค้าขายทุเรียนดินภูเขาไฟ ที่สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์ ได้ไปเจาะเบื้องหน้าเบื้องหลังในเรื่องนี้ เพื่อติดตามโจรทุเรียนมาลงโทษตามกฎหมาย หรือหากกฎหมายยังเอื้อมมือไม่ถึง ก็ขอให้โจรทุเรียนรายนี้รับกรรมที่ได้ทำลงไปในชาตินี้
โดยจะต้องถูกสังคมตราหน้าว่าเป็นโจรทุเรียนหรืออย่างน้อยที่สุด ก็ต้องออกโรงเตือนให้พ่อค้าแม่ค้าทุเรียนทั่วประเทศ..ให้ระวังโจรทุเรียนรายนี้ อย่าค้าขายทุเรียนหรือทำธุรกิจอื่นใดด้วยเป็นอันขาด ถ้าไม่อยากถูกเบี้ยวเงิน!
โดยผู้สื่อข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์ ได้รับเรื่องร้องเรียนจาก นางวรัญญา โคตรมงคล เจ้าของสวนทุเรียนดินภูเขาไฟ บ้านซำขี้เหล็ก ตำบลพราน อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ ว่า เมื่อประมาณ 5 ปีที่ผ่านมา ได้ขายทุเรียนดินภูเขาไฟของสวนแม่แก้ว-พ่อสุบรรณ์ โคตรมงคล ให้กับนาง “อำไพ เทศนา” แม่ค้ารับซื้อทุเรียนจากจังหวัดจันทบุรี (ดูรูปภาพประกอบ)
การซื้อขายทุเรียนของตนกับนางอำไพ เป็นลักษณะเหมามืดหรือขายแบบเหมาทั้งสวนในวงเงิน 850,000 บาท (แปดแสนห้าหมื่นบาทถ้วน) หรือจำนวนทุเรียนประมาณ 15,000 กิโลกรัม ซึ่งนางอำไพ ได้จ่ายเงินจำนวน 600,000 บาทแล้ว แต่ยังค้างชำระอีก 250,000 บาทยังไม่จ่าย แม้จะมีการทวงถามหลายครั้ง แต่ก็ยังเพิกเฉย
จึงมั่นใจว่า นางอำไพ เทศนา มีเจตนาฉ้อโกง จึงได้ปรึกษาทนายความ เพื่อยื่นฟ้องร้องต่อศาลจังหวัดกันทรลักษณ์ แต่ในที่สุดนางอำไพ ได้ให้ทนายความมาไกล่เกลี่ยประนีประนอมยอมความ ตามรายละเอียดในสัญญาประนีประนอมของศาลกันทรลักษณ์ คดีหมายเลขดำที่ 262/2556 ลงวันที่ 24 มิ.ย. 2556 โดยนางอำไพ เทศนา ในฐานะจำเลย ยินยอมจะเงินจำนวน 250,000 บาท โดยจะชำระงวดแรก 100,000 บาท ภายใน 45 วัน นับจากวันที่ทำสัญญาประนีประนอม ส่วนที่เหลือจะทยอยชำระไม่น้อยกว่างวดละ 5,000 บาท เริ่มชำระภายในเดือน ก.ย. 2556 เป็นต้นไป จนกว่าจะครบจำนวนเงินที่ค้างทั้งหมด หากจำเลย (นางอำไพ) ผิดนัดชำระงวดใดงวดหนึ่งยินยอมให้โจทก์บังคับคดีได้ทันที พร้อมคิดดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีของยอดที่ค้าง (ดูเอกสารคำสั่งของศาลฯ ประกอบ)
จนถึงวันนี้รวมระยะเวลา 5 ปีแล้ว นางอำไพ เทศนา แม่ค้าทุเรียนจากจังหวัดจันทบุรี ยังไม่จ่ายเงินให้กับเจ้าของสวนแม้แต่บาทเดียว อย่างนี้ชาวบ้านเรียกว่า “โจรทุเรียนขี้โกง” เจ้าของสวนเป็นชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่ง ทำสวนทุเรียนต้องใช้ระยะเวลาถึง 1 ปีจึงจะได้ผลผลิต และทั้งชีวิตของชาวสวนที่ถูกโจรทุเรียนโกงรายนี้ทำสวนมาตลอด เป็นคนซื่อ มีความจริงใจต่อทุกคนที่มาชมสวน โดยเฉพาะกรณีนางอำไพ เทศนา แม่ค้าจากจันทบุรีนั้นเดินทางมาซื้อทุเรียนดินภูเขาไฟไกลถึงศรีสะเกษ เจ้าของสวนจึงให้พักอาศัยอยู่ที่บ้านด้วย ทำข้าวปลาอาหารต้อนรับเหมือนลูกหลาน..
แต่สิ่งที่ชาวสวนทุเรียนได้รับคือ ถูกโกง..เจ้าของสวนไม่รู้จะตามเงินที่ถูกโกงไปถึง 250,000 บาท ซึ่งรายได้ของพวกเขาทั้งปี จนถึงขั้นจะถอดใจถึงขั้นบอกว่า แม้กฎหมายยังทำอะไรคนโกงไม่ได้ ก็คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกฎแห่งกรรม..
แต่เจ้าของสวนฮึดสู้ไม่ปล่อยให้คนขี้โกงลอยนวล ต้องประจานคนโกงไม่ให้มีที่ยืนในสังคม และประกาศให้ระวังคนขี้โกงรายนี้ อย่าเข้าไปหลงคารมหรือเกี่ยวดองหนองยุ่ง พร้อมกันนี้ได้ให้ทนายยื่นต่อศาลกันทรลักษณ์ เพื่อขออำนาจศาลตามยึดทรัพย์ต่อไป อย่างไรก็ตาม ฝากไปถึงใครที่อยู่จันทบุรี หากเจอโจรทุเรียนรายนี้ ซึ่งเข้าใจว่า ยังอยู่ในพื้นที่จันทบุรีและยังทำธุรกิจค้าขายทุเรียนอยู่ ..อย่าให้อยู่ในพื้นที่เลย ไล่ให้ไปอยู่ไกล ๆ คนประเภทนี้อย่าให้มีที่ยืนในสังคมครับพี่น้อง!
โปรทุเรียน…เรียบเรียง
Cr. : เนตรทิพย์ออนไลน์
http://www.natethip.com/news.php?id=477