“EAและบลูเทค ซิตี้” ขานรับนโยบาย “นายก” ปั้น “อาชีวยกกำลังสิบ” (ชมคลิป)
1 min read“EAและบลูเทค ซิตี้” ขานรับนโยบาย “นายก” ปั้น “อาชีวยกกำลังสิบ”
วันนี้ (7 ต.ค.2563) ที่ วิทยาลัยการอาชีวศึกษาปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จัดงาน “อาชีวยกกำลังสอง” โดยได้รับเกียรติจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน โดยมี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาพร้อมด้วย ผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการให้การต้อนรับ
โอกาสเดียวกันนี้ นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (EA)พร้อมด้วย นางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ผู้บริหาร โครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม ฉะเชิงเทรา บลูเทค ซิตี้ ว่าที่พันตรี วัชรพล
ลักษณลม้าย ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคฉะเชิงเทรา นายนิทัศน์ วีระโพธิ์ประสิทธิ์ ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคชลบุรี ได้ร่วมงาน
และนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการผลิตแบตเตอรี่ ลิเทียม ไอออน เป็นเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งอยู่ระหว่างการสร้างโรงงานผลิต ในจังหวัดฉะเชิงเทรา รวมถึงการนำรถยนต์ไฟฟ้า MINE SPA1 ที่ออกแบบและผลิตโดยคนไทย 100% มาแสดงและให้ทดลองขับเคลื่อนในงานนี้ด้วย ทั้งนี้ วิทยาลัยเทคนิคฉะเชิงเทรา ได้รับการพัฒนาหลักสูตร และการเรียนรู้ เกี่ยวกับการใช้แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน รถยนต์ไฟฟ้า และการอัดประจุพลังงานไฟฟ้า
โดยเป็นการผนึกกำลังความรู้ระหว่างภาครัฐ ภาคการศึกษา และเอกชน ในการเตรียมความพร้อมพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษารวมไปถึงกำลังคนรุ่นใหม่ ในทุกมิติสู่ความเป็นเลิศ เพื่อให้สอดรับกับแผนการลงทุนของกลุ่มพลังงานบริสุทธิ์ และผู้ประกอบการต่างๆ ของกลุ่ม EEC ให้ตอบสนองความต้องการอย่างแท้จริง
ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวภายในงาน ว่า วันนี้ทุกอย่างต้องมีการเปลี่ยนแปลง เพราะ การจัดโครงการอาชีวะยกกำลังสองยังไม่เพียงพอต่อไปแล้ว ต้องเป็นอาชีวะยกกำลังสิบ เพื่อให้ก้าวทันยุคทันสมัยกับการเปลี่ยนแปลง โดยทั้ง ภาครัฐ-เอกชน ครู-นักเรียน ต้องเร่งให้ความร่วมมือ
ในการจัดสถานที่ฝึกงาน และการถ่ายทอดเทคโนโลยีต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับการเรียนในห้องเรียน ทั้งการเรียนพื้นฐานและการเรียนนอกห้องเรียน ให้เกิดแรงบันดาลในการต่อยอด ในขณะที่ ประเทศกำลังพัฒนา 7 อุตสาหกรรมใหม่เป็นอุตสาหกรรมเป้าหมาย เพื่อเชื่อมโยงทั้งประเทศ ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง
“ผมจึงมอบนโยบายให้มีการทำงานร่วมกัน เชื่อมโยงทุกภาคส่วน และผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางภูมิศาสตร์ของอาเซียนในการขนส่งสินค้า ดังนั้น เมื่อรัฐปรับวิธีการทำงานดูแลทั้ง 6 ภาคของประเทศ โดยแบ่งทั้ง4ภาค ,EEC และ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ให้มีงบประมาณตรงกับความต้องการของพื้นที่ ผมดีใจที่อาชีวศึกษามองเป้าหมาย และมองย้อนกลับไปจุดที่จะทำให้ถึงเป้าหมายได้อย่างไร เกิดการขับเคลื่อนไปด้วยกัน
นอกจากนี้ ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มีศักยภาพประเทศหนึ่ง แต่โอกาสเหล่านี้ จะหายไปถ้าไม่มีการเตรียมบุคลากรคนให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างประหยัดคุ้มค่า และแก้ไขปัญหาทุจริต ต้องพัฒนาเด็กอาชีวะให้รู้การปฏิบัติงานจริง มีการปรับรูปแบบให้ทันบริบทของโลก คนไทยต้องทำงานกับหุ่นยนต์ มีงานการบินระบบราง การเกษตรสมัยใหม่ รัฐบาลเดินหน้ามาตลอด ประเทศต้องการ 50,000 คน ในสาขาต่างๆ แต่คนมีความพร้อมหรือไม่ จบออกมาต้องมีงานทำ” นายกกล่าว